[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 
 
 
เมนูหลัก
ลิงค์หน่วยงาน
ธารน้ำใจสู่แหลมงอบ
9 โดย : admin
9/ม.ค./2563  
Not Rated stars ( Not Rated / 0 )
ร้านเกษตรไบโอได้มาบริจาคเครื่องทำน้ำร้อน-เย็น และรถเข็นนั่งผู้ป่วย รวมมูลค่า 10,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลแหลมงอบ ( 1841 / )
    

วันที่ 6 มกราคม 2563 ร้านเกษตรไบโอได้มาบริจาคเครื่องทำน้ำร้อน-เย็น และรถเข็นนั่งผู้ป่วย รวมมูลค่า 10,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลแหลมงอบ

อ่านต่อ....
 
   
สถิติผู้เยี่ยมชม

 เริ่มนับ 25/ก.ค./2556
ผู้ใช้งานขณะนี้ 2 IP
ขณะนี้
2 คน
สถิติวันนี้
113 คน
สถิติเมื่อวานนี้
117 คน
สถิติเดือนนี้
1653 คน
สถิติปีนี้
8057 คน
สถิติทั้งหมด
175566 คน
IP ของท่านคือ 18.191.195.110
(Show/hide IP)
หมวดหมู่ : SRRT/PCU (งานสอบสวนโรค/งานชุมชน)
เรื่อง : ปฐมพยาบาลให้ถูกวิธี เมื่อถูกงูกัด
โดย : admin
เข้าชม : 1037
อังคาร ที่ 7 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2559
A- A A+
        

                     สธ.เตือนสั่งโรงพยาบาลในสังกัดสำรองเซรุ่มแก้พิษงู 7 ชนิดพร้อมรักษาประชาชนช่วงฤดูฝน แนะหากถูกงูกัดห้ามกรีดแผล ดูดพิษ ขันชะเนาะเด็ดขาด
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝนบางแห่งอาจมีน้ำท่วมขัง ทำให้สัตว์เลื้อยคลานหนีน้ำ อาจเข้ามาอยู่ในที่อยู่อาศัยของประชาชนได้ ขอให้จัดสิ่งของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบ หลีกเลี่ยงการเดินในที่แคบหรือบริเวณที่รกมีหญ้าสูง โดยเฉพาะเวลากลางคืน ที่น่าห่วงก็คืองูพิษ ซึ่งหากถูกกัดแล้วอาจทำให้เสียชีวิตได้ จากการติดตามสถานการณ์งูพิษกัด สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรครายงานมีผู้ถูกงูพิษกัดตลอดทั้งปี 2558 จำนวน 457 ราย พบผู้ถูกงูกัดสูงสุดในเดือนมิถุนายน และสิงหาคม เดือนละ 52 ราย รองลงมาคือ พฤษภาคม 50 ราย สำหรับปี 2559 ตั้งแต่ มกราคม – พฤษภาคม พบผู้ถูกงูกัด 81 ราย พบมากในภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมกันได้ร้อยละ 77 ของผู้ที่ถูกงูกัด ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้าง

                     ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สถานบริการในสังกัด คือโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชน สำรองเซรุ่มแก้พิษงูไว้ให้พร้อม ตามชนิดงูพิษที่พบบ่อย ในแต่ละภูมิภาคมี 7 ชนิด ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา งูแมวเซา งูกะปะ งูเขียวหางไหม้ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงทีป้องกันการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด หากถูกงูกัดให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือ1669ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน  นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หากถูกงูมีพิษกัด จะมีสัญญาณ 7 ประการดังนี้ 1.มีรอยเขี้ยว 2 ข้าง และมีอาการบวมแดงรอบๆรอยกัด แต่บางครั้งอาจจะเห็นเพียงรอยเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถูกกัดบริเวณปลายมือปลายเท้า หรือบางครั้งอาจเห็นมากกว่า 2 รอยหากถูกกัดมากกว่า 1ครั้ง 2.อาจมีอาการปวดอย่างรุนแรง 3.คลื่นไส้อาเจียน 4.หายใจติดขัด หากรุนแรงอาจหยุดหายใจได้ 5.สายตาขุ่นมัว 6.มีน้ำลายมากผิดปกติ และ7.หน้าชาไม่รู้สึกหรือชาตามแขนขา โดยพิษนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของงู เช่น งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา จะมีพิษต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหนังตาตก กลืนลำบาก พูดไม่ชัด และหยุดหายใจ
              ภายหลังถูกงูพิษกัด ประชาชนควรทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนถึงมือแพทย์ โดยบีบเลือดบริเวณบาดแผลออกเท่าที่ทำได้ เพื่อขจัดพิษงูออกจากร่างกาย ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและฟอกสบู่หรือน้ำด่างทับทิม ใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง เช็ดแผล และรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด โดยพยายามให้อวัยวะที่ถูกกัดเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด อาจดามบริเวณดังกล่าวให้อยู่ในระดับต่ำกว่าหัวใจ เพื่อชะลอการซึมของพิษงู หากเป็นไปได้ ให้นำซากงูพิษที่กัดไปให้แพทย์ดูด้วย
และสิ่งที่ไม่ควรทำในการช่วยเหลือผู้ที่ถูกงูพิษกัดคือ 1.ห้ามใช้เหล้า ยาสีฟัน หรือสิ่งอื่นๆ ทาแผล พอกแผล เนื่องจากอาจทำให้แผลติดเชื้อ 2.ไม่ควรกรีดแผล เนื่องจากจะทำให้พิษงูกระจายเข้าสู่ร่างกายได้เร็วขึ้น และ3.ไม่ควรใช้ปากดูดเลือดจากแผลงูกัด เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้ดูดได้ และ 4.ห้ามให้ผู้ถูกงูกัดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มผสมคาเฟอีน 5.ห้ามขันชะเนาะเพราะอาจทำให้เนื้อตายได้



     

Not Rated stars เฉลี่ย : Not Rated จาก 0 ครั้ง.

SRRT/PCU (งานสอบสวนโรค/งานชุมชน)5 อันดับล่าสุด

      กำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย 10/พ.ค./2562
      โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) ภัยร้ายใกล้ตัว 10/ธ.ค./2561
      สารไอโอดีนมีผลต่อสุขภาพมารดาและทารกในครรภ์อย่างไร 25/พ.ย./2561
      นโยบายโรงพยาบาลมาตรฐานอนามัยแม่และเด็ก 6/ม.ค./2560
      นโยบายสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 6/ม.ค./2560


 
 หน้านี้ใช้เวลา LOAD ทั้งสิ้น  0.43543195724487 วินาที